วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Tense

'12 tense' จำง่าย...เข้าใจแบบไม่ต้องท่อง!!!
        หากคุณเคยมีปัญหากับ “ภาษาอังกฤษ” ศัพท์ก็ยาก ไหนไวยากรณ์อีกเพียบ 'Tense' ที่ทั้งท่องทั้งจำกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังไง๊..ยังไง ก็ไม่เข้าหัว วันนี้ Life on campus ไปเจอเคล็ดลับดีๆ ในเพจจีบัน ดอท คอม โดยคุณเอมได้เขียนสรุปทั้ง 12 tense อ่านแล้วเข้าใจง่าย จนคุณต้องร้อง...อ๋อ!!! ถ้าพร้อมแล้วไปดูสูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับจำ 'Tense' ของคุณเอมกันเลย...
      
       มาเริ่มกันที่...
      
       ก่อนอื่นเราดูตารางคร่าวๆ ก็จะเห็นว่าตารางนี้ มี 4 คอลัมน์ กับอีก 3 แถว รวมทั้งหมดไฝว้กันออกมาได้เป็น 12 ช่อง
       โดยที่หัวตารางด้านบนในแนวตั้ง จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า tense จะมี 4 อัน คือ
      
       1. Simple  2. Continuous  3. Perfect  4. Perfect Continuous
      
       ส่วนหัวตารางด้านซ้ายในแนวนอนจะเป็น time (เวลา) จะมี 3 อัน คือ
      
       1. Present ( ปัจจุบัน)  2. Past (อดีต)  3. Future (อนาคต)
      
       ***ค่อยๆ ดูไปด้วยกันทีละคอลัมน์ในแนวตั้ง เวลาอ่านชื่อ tense ก็อ่านช่องด้านซ้ายก่อน แล้วก็ต่อด้วยช่องด้านบน
'12 tense' จำง่าย...เข้าใจแบบไม่ต้องท่อง!!!
        ช่องแรกคือ Simpleง่ายสุดเลย
       
       • Present Simple เป็นแบบที่เราเรียนกันมาง่ายๆ เลย “Sub + V1” (เติม s/es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์)
      
       • Past Simple ก็ง่ายอีก “Sub + V2” ไปเลย ในเมื่อ V2 มันก็คือกริยาที่ใช้สำหรับในอดีตอยู่แล้ว
      
        Future Simpleเอา “Sub + will + Vinf” โดยที่คำว่า will แปลว่า "จะ" มันจะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยในประโยค ตามด้วย Vinf ก็คือ Verb ที่ไม่เปลี่ยนไม่เติมอะไรใดๆ ทั้งสิ้น หรือแบบที่เราจำกันมาตลอดว่า Sub + will + V1 นั้นแหละ เราก็จำว่า ถ้าจะบอกว่า จะทำนู้น จะไปนี่ จะเอานั่น เราก็แค่ใช้ “will + verb” ข้างหลังที่ไม่ต้องไปเติมไรให้มันอีก เพราะ will บอกไปหมดแล้วว่ามันเป็นอนาคต เราเหลือแค่ต้องบอกว่าจะทำอะไร แค่นั้นพอ อย่าเยอะ!
      
       ***ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I will eating. I will eaten. ผิดทันที !!!!!!!!!!***
'12 tense' จำง่าย...เข้าใจแบบไม่ต้องท่อง!!!
        ช่องที่สองคือ Continuous รูปประโยคของมันจะเป็น V. to be + Ving
       (Verb to be ก็คือ is am are เป็น อยู่ คือ ที่ท่องกันมานั้นแหละ)
      
       "มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to be + Ving โดยที่เราผันตัว V.to be ไปตามเวลาของมัน แต่ Ving คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Continuous คือ Ving"
       
        Present Continuous ก็เลยจะเป็น Sub + is/am/are + Ving ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I'm kicks. I'm loves. ผิดทันที!!! แต่ถ้าเจอ I'm kicked. I'm loved. อาจจะไม่ผิดนะ เป็นรูปประโยคแบบ Passive Voice ต้องแปลความหมายเอา แต่พวก I'm said....ผิดทันที
      
       • Past Continuous รูปประโยคแบบเดิมเปี๊ยบแต่เราผันตัว is/am/are ให้กลายเป็นอดีตไปซะ ก็จะได้เป็น Sub + was/were + Ving
      
       • Future Continuous พอเป็นอนาคต เราก็ต้องใช้ “will” มาบอกว่าเรา "จะทำ" แล้วหลัง will มันต้องไม่เปลี่ยน ไม่เติมอะไร เราก็เลยได้เป็น “Sub + will + be + Ving” และ “be” ตรงกลางนั่นก็มาจาก V. to be ไง จำได้มั้ยรูปประโยคต้องเป็น V.to be + Ving ตลอด
      
       สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Continuous ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน
       จะมีกรอบสีเหลืองที่เป็น V.to be ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีส้ม คือ Ving ตลอด !!!!!!!!!
'12 tense' จำง่าย...เข้าใจแบบไม่ต้องท่อง!!!
        ช่องถัดมาคือ Perfect รูปของมันจะเป็น V. to have + V3 (ที่ดูเหมือนยาก แต่ก็ไม่ยากเลย)
      
       "มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to have + V3 โดยที่เราผันตัว V.to have ไปตามเวลาของมัน แต่ V3 คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Perfect คือ V3"
       
       • Present Perfect ก็เลยเป็น "Sub + has/have + V3" ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (He, She,I t, คน สัตว์ ของ 1 อัน) ก็ใช้ "has" ถ้าเป็นพหูพจน์ (You, We, They, คน สัตว์ ของมากกว่า 1) ก็ใช้ "have"
      
       • Past Perfect แบบประโยคเหมือนเดิม แต่เราต้องทำ has/have ให้มันเป็น ช่อง 2 เพราะ V2 คือ V ที่บอกอดีต แล้วช่อง 2 ของ has/have ก็คือ had เราเลยได้เป็น "Sub + had + V3" อุต๊ะ ง่ายจิมจิม!!
      
       • Future Perfect พอเป็นอนาคตก็ต้องบอกว่า "จะ..." เหมือนเดิม ได้เป็น "Sub + will + have + V3" เพราะหลัง will บอกแล้วว่า verb มันต้องธรรมดา ไม่เติม ไม่เปลี่ยน เลยต้องกลับมาใช้ have ธรรมดา แล้วก็ตามด้วย V3 ซะ ได้ Perfect ด้วย แล้วยังเป็น Future อีกต่างหาก 
      
       ***และใช้ have อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ has จำซะว่าเราเน้นบอกว่ามันเป็นอนาคต ส่วน Perfect เราแค่มี have + V3 มันก็ perfect แล้วไง ไม่ต้องไป has ให้มันเยอะ!! ดังนั้นเมื่อไหร่ใช้ will has ..... หรือ will had.....  หรือ will v3..... ผิดทันที !!!!!!!!***
       
       สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน 
       จะมีกรอบสีพีชที่เป็น V.to have ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีชมพู คือ V3 ตลอด !!!!!!!!!
'12 tense' จำง่าย...เข้าใจแบบไม่ต้องท่อง!!!
        สุดท้ายยยยยก็คือ Perfect Continuous
       
       "ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Perfect Continuous มันก็เลยต้องมีทั้ง Perfect คือ have + V3 แล้วก็ Continuous ก็คือ Vingด้วย รูปประโยคของมันก็เลยเป็น Sub + V. to have + V.3 (ซึ่งในที่นี้คือ been ซึ่งเป็นช่อง 3 ของ be) + Ving"
      
       • Present Perfect Continuous จากรูปแบบมันเราเลยได้เป็น "Sub + has/have + been + Ving" โดย has/have been ก็บอกความเป็น perfect ส่วน Ving ก็บอกความเป็น Continuous จับมาต่อกัน
      
       • Past Perfect Continuous จับ has/have มาทำเป็นอดีตซะ ที่เหลือไม่ต้องเปลี่ยน ก็ได้เป็น “Sub + had + been + Ving”ซึ่ง had ก็บอกว่าเป็นอดีต แล้ว had+been ก็บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous ครบ!!!
      
       • Future Perfect Continuous เป็น future เมื่อไหร่ ใช้ will เมื่อนั้น! มี will เมื่อไหร่หลัง will เป็น have เท่านั้น เราก็เลยได้ว่า “Sub + will + have + been + Ving” โดย wil บอกความเป็นอนาคต have been บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous !!!!!
      
       ***ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ใช้***
       will + has + been + Ving ผิดทันที!
       will + been + Ving ผิดทันที!
       will + have + be + Ving ผิดทันที !!!!!!!
      
       สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect Continuous ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา ปัจจุบัน อดีต อนาคต
       จะมี Sub + V.to have ในกล่องสีพีช + been แล้วตบท้ายด้วย Ving ตลอด !!!!!!!!!!!
       

conjunctions

Conjunction (คอนจังเชิ่น) คือ คำหรือวลีที่ใช้ทำหน้าที่เชื่อมความ หน้าที่หลักของคำประเภทนี้คือการเชื่อมโยง (link) ทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ Coordinating conjunctions และ Subordinating conjunc¬tions ดังมีรายละเอียดดังนี้
1. Coordinating conjunctions (โคออดิเนทิ่ง คอนจังเชิ่นสฺ) ใช้เชื่อม main clauses ที่มีความสำคัญทัดเทียมกัน (equal value) ให้เป็น 1 ประโยค เรียกว่า Coordination (โคออดิเนเชิ่น) ดังนี้
main clause    coordinating conjunction         main clause
เช่น     The sun shone     and            everyone felt happy.
ตารางที่แสดงต่อไปนี้ ประกอบด้วย coordinating conjunctions ที่เป็นคำเดี่ยว (simple coordinating conjunctions) และที่เป็นคำคู่ (double coordinating conjunctions) รวมทั้งความหมายหรือหน้าที่ (meaning or function) ที่คำเชื่อมเหล่านี้ชี้แสดง
Conjunction
ตัวอย่าง
and = และ
It was a lovely morning and there was not much traffic on the road.
เช้านี้อากาสดี และรถราก็ไม่ค่อยมาก
He turned out the light and went to bed.
เขาดับไฟและเข้านอน
both … and = ทั้ง … และ
Malee both built and endowed the hospital.
มาลีทั้งสร้างและบริจาคเงินให้โรงพยาบาล
It was both cold and wet.
มันทั้งหนาวและชื้นแฉะ
not only … but (also) = ไม่เพียง … แต่ยัง
The weather was not only hot but also dry.
อากาศไม่เพียงแต่ร้อน แต่ยังแห้งแล้งด้วย
He not only loves her but also gives her much money.
เขาไม่เพียงแต่รักเธอ แต่ยังให้เงินก้อนใหญ่แก่เธอด้วย
or = หรือ
I don’t know when he left home or why he did that.
ผมไม่ทราบว่าเขาออกจากบ้านไปเมื่อไร หรือทำไมเขาจึงทำเช่นนั้น
This hair cream may be used by men or women.
ครีมทาผมนี้อาจจะใช้ได้ทั้งชายหรือหญิง
either … or = ไม่ว่าจะ … หรือ
We can eat either meat or pork.
เราทานได้ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัวหรือเนื้อหมู
I can’t eat either meat or pork.
ผมทาน ไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัวหรือเนื้อหมู
but = แต่
It is a fast car but it is too small.
มันเป็นรถยนต์ที่วิ่งเร็ว แต่มีขนาดเล็กเกินไป
I don’t want to go to the party but I suppose I must.
ผมไม่อยากจะไปงานเลี้ยง แต่ก็ต้องไป
not… but = ไม่ … แต่
He is not small but coward.
เขาตัวไม่เล็ก แต่ขี้ขลาด
This car is not big but looks nice.
รถยนต์คันนี้ไม่ใหญ่ แต่ดูสวย
nor = ไม่
She doesn’t love ghost stories, and nor does he.
เธอไม่ชอบอ่านเรื่องผี และเขาก็ไม่ชอบเช่นกัน
neither … nor = ไม่ … ไม่
I will neither obey you nor leave this house.
ผมจะไม่เชื่อฟังคุณ และก็จะไม่ยอมออกจากบ้านหลังนี้
The play is neither funny nor interesting.
ละครเรื่องนั้นไม่สนุกและก็ไม่น่าสนใจ
2. Subordinating conjunctions (ซับออดิเนทิ่ง คอนจังเชินสฺ) ใช้เชื่อมประโยครอง (subordinate clause) เข้ากับประโยคหลัก (main clause) ให้เป็น 1 ประโยค เรียกว่า Subordination (ซับออดิเนเชิ่น) ดังนี้
Conjunction1
ตารางที่แสดงต่อไปนี้ ประกอบด้วย subordinating conjunctions ที่เป็นคำเดี่ยว (simple subordinating conjunctions) คำคู่ (double subordinating conjunctions) และคำเชื่อม 2-3 คำ (2- or 3- words conjunctions) รวมทั้งความหมายหรือหน้าที่ (meaning or function) ที่คำเชื่อมเหล่านี้เแสดง
Conjunction2
Conjunction3
ตัวอย่าง
as, like = เหมือน, คล้ายกัน
Malee loved singing as a child.
มาลีชอบร้องเพลงเหมือนเด็ก
Like me, you are too young to have a boyfriend.
ก็เหมือนฉันนั่นแหละ เธอยังเด็กเกินไปที่จะมีเพื่อนชาย
as … as = เท่ากัน, พอๆ กัน
You are as old as I.
คุณอายุเท่าๆ กับผม
This car is not as new as that one.
รถยนต์คันนี้ไม่ใหม่พอๆ กับคันนั้น
as if, as though = ราวกับว่า
He burst into a high-pitched laugh, as if he’d said something funny.
เขาหัวเราะก๊าก ราวกับว่าเขาได้พูดเรื่องตลกออกมา
He looked at me as though I were mad.
เขามองผมราวกับว่าผมเป็นคนบ้า
if = ถ้า // unless = ถ้า … ไม่
If I were you. I would go to see the doctor.
ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไปหาหมอ
You will miss the show unless you hurry.
คุณจะพสาดชมการแสดง ถ้าคุณไม่รีบ
seeing that / provided that / supposing that/so long as = ถ้า
I don’t mind his coming with us, provided that he pays for his own meals.
ผมไม่ว่าอะไรที่เขาจะมากับเรา ถ้าหากเขายอมจ่ายเงินค่าอาหารเอง
though / although / while / whereas / even though = แม้ว่า Although the car is old, it still runs well.
แม้ว่ารถยนต์จะเก่า แต่มันยังวิ่งดี
I can still remember, even though it was so long ago.
ผมยังจำได้ แม้ว่ามันจะผ่าน ไปนานแล้ว
where / wherever = ที่ใดก็ตาม
If you could go wherever you wanted to in the world, where would you go?
ถ้าคุณสามารถจะไปที่ไหนก็ได้ที่คุณต้องการจะไปในโลกนี้คุณจะไปไหน
so that / in order that = เพื่อว่า
We water the flowers every evening so that they may not die.
เรารดนํ้าต้นดอกไม้ทุกเย็น เพื่อว่ามันจะได้ไม่ตาย
rather than / sooner than = ชอบ/อยากจะ … มากกว่า
I would sooner read than watch TV.
ผมอยากจะอ่านหนังสือมากกว่าดูโทรทัศน์
Because/as/since=เนื่องจาก, เพราะว่า
He didn’t go to school because he was sick.
เขาไม่ไปโรงเรียนเนื่องจากเขาป่วย
so that / such that = เป็นผลทำให้
True friendship is such that friends should never refuse to help one another.
มิตรภาพที่แท้จริงเป็นผลทำให้เพื่อนไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือกัน
whether / if = ใช่หรือไม่, หรือเปล่า
I asked whether that man was a criminal.
ผมถามว่าชายคนนั้นเป็นอาชญากรใช่หรือไม่
I wondered if you would like to come with us.
ผมอยากจะทราบว่า คุณจะมากับเราหรือเปล่า
when / whenever = เมื่อ, เมื่อใดก็ตาม
Come and see me whenever you need some help.
จงมาหาผม เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการความช่วยเหลือ
while / as = ในขณะที่
While I was taking a bath, the telephone rang.
ในขณะที่ผมกำลังอาบน้ำ โทรศัพท์ได้ดังขึ้น
now (that) = ตอนนี้
Now that she’s found him, she’ll never let him go.
ตอนนี้เธอได้พบเขาแล้ว เธอจะไม่ปล่อยให้เขาจากไปอีก
before = ก่อน, until/till = จนกระทั่ง, จนกว่า
You will get free education until you are 16.
คุณจะได้รับการศึกษาแบบให้เปล่า จนกว่าคุณจะอายุ 16 ปี
Can I see you before noon?
ผมขอพบคุณก่อนเที่ยงวันได้ไหม
after = หลังจาก, since = ตั้งแต่
He was ill after the meal.
เขาป่วยหลังจากทานอาหารเสร็จ
I have lived here since 1995.
ผมได้อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี 1995.
once / whereupon / when = ตั้งแต่ครั้ง, เมื่อ
His company was shut down, whereupon he returned to Bangkok.
บริษัทของเขาได้ถูกปิด ตั้งแต่ครั้งที่เขากลับมากรุงเทพฯ
the… the … → หลัง the ตามด้วย comparative adjective form (แสดงการรับทอดกัน)
The sooner, the better.
ยิ่งเร็ว ยิ่งดี
The more you eat, the fatter you will be
ยิ่งคุณกินมากเท่าใด คุณก็ยิ่งจะอ้วนขึ้นเท่านั้น
The more I see him, the less I like him.
ยิ่งดิฉันเห็นเขามากเท่าใด ดิฉันก็ยิ่งชอบเขาน้อยลงเท่านั้น
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

Active Voice / Passive Voice.

Active Voice / Passive Voice

ประโยค Active Voice คือ ประโยคที่มีประธานเป็นผู้กระทำ หรือ แสดงกริยาโดยตรง

Subject + Verb
ตัวอย่างเช่น
He plays tennis. (เขาเล่นเทนนิส)
I will clean the house tonight. (ฉันจะทำความสะอาดบ้านคืนนี้)

ประโยค Passive Voice คือ ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ
Subject + Verb to be + Verb 3 (Past Participle)
ตัวอย่างเช่น
The book was written by me.
I was punished by the teacher.

หลักการเปลี่ยนประโยค Passive Voice เป็น Active Voice ในกรณีต่างๆ

1. กรณีที่ประโยคมีกรรมตัวเดียว (Direct Object)
   1.1 เปลี่ยนกรรม (object) ในประโยค Active Voice มาเป็นประธานในประโยค
   1.2 เปลี่ยนประธาน (subject) ในประโยค Active Voice มาเป็นกรรมในประโยค พร้อมกับใส่คำว่า “by” ด้านหน้า
           1.3 ทำการผันรูปกริยาให้อยู่ในช่องที่ 3 (Past Participle) พร้อมกับเติม Verb to be ด้านหน้า เช่น is, am , are, was, were, be, being, been ซึ่งขึ้นอยู่กับ Tense ของประโยคนั้นๆ
2. กรณีที่ประโยคมีกรรมตรง (Direct Object) และกรรมรอง (Indirect Object)
 
ตัวอย่าง My sister gave me a birthday present.
    2.1 เรานิยมนำกรรมรอง (Indirect Object) ขึ้นมาเป็นประธาน เช่น
          I was given a birthday present by my sister.
           2.2 เราสามารถนำกรรมตรง (Direct Object) ขึ้นมาเป็นประธานได้ แต่จะต้องใส่ “to” หน้ากรรมรองเสมอ เช่น
          A birthday present was given to me by my sister.

ข้อสังเกต
1. เราไม่จำเป็นต้องระบุผู้กระทำลงไปในประโยค Passive Voice ในกรณีที่
- ประโยคนั้นไม่ต้องการที่จะเน้นผู้กระทำ เช่น
Our new house is going to be built next month. (ละผู้กระทำไป เนื่องจากต้องการที่จะเน้นถึงบ้านหลังใหม่ว่ากำลังจะถูกสร้างเท่านั้น
- ต้องการละผู้กระทำไว้ เนื่องจากเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เช่น
The thieves were all arrested (ละคำว่า by police เนื่องจากเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าตำรวจมีหน้าที่จับขโมย)
- ไม่ทราบว่าใครคือผู้กระทำ เช่น
This building was built in 1999. (เราไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้างตึกนี้ รู้เพียงแต่ว่าตึกนี้ถูกสร้างมาในปี 1999)
              ตัวอย่างการผันรูปเป็นประโยค Passive Voice แบบไม่มีผู้กระทำ

                            Active Voice:
                                   We must strictly follow the company rules.
                                      เราจะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของบริษัทอย่างเคร่งครัด

                             Passive Voice:
                                      Company rules must be strictly followed. (ละเว้นคำว่า “by us” ออกไป)
                                   กฎเกณฑ์ของบริษัทจะต้องได้รับการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

2. เราสามารถสร้างประโยค Passive Voice ในรูปแบบไม่เป็นทางการได้ด้วยการสร้างประโยคในรูปแบบของ Get-Passive ซึ่งเป็นการนำคำว่า “get” มาใช้แทน Verb to be ซึ่งมีโครงสร้าง ดังนี้

Subject + get + Verb 3 (Past Participle)

3. กริยาที่ไม่สมบูรณ์ ด้วยตัวเอง (Linking Verbs) ไม่สามารถผันให้อยู่ในรูปประโยคของ Passive Voice ได้ เพราะ คำกริยาเหล่านี้ไม่สามารถมีกรรมได้ ซึ่งได้แก่
appear
be
become
come
end up / wind up
feel
get
go
grow
look
prove
remain
seem
sound
stay
smell
taste
turn
turn out
ตัวอย่างเช่น
This soup tastes strange. (ซุปชามนี้รสชาติแปลก)
I stayed in my room all day. (ฉันอยู่ในห้องของฉันทั้งวัน)

ตารางแสดงรูปแบบการเปลี่ยนรูปประโยคจาก Active Voice เป็น Passive Voice

Tense
ประโยค Active Voice
ประโยค Passive Voice
Present Simple Tense
She cleans the house everyday.
The house is cleaned by her everyday.
Present Continuous Tense
He is teaching English to the children.
English is being taught to the children by him.
Past
Simple Tense
I kicked the ball.
The ball was kicked by me.
Past Continuous Tense
I took a shower while she was cooking dinner.
Dinner was being cooked by her while I took a shower.
Present Perfect Tense
We have seen three movies this week.
Three movies have been seen by us this week.
Present Perfect Continuous Tense
Sarah has been teaching English for almost 10 years.
English has been being taught by Sarah for almost 10 years.
Past Perfect Tense
He had saved a lot of money before he retired last year.
A lot of money had been saved by him before he retired last year.
Past Perfect Continuous Tense
I had been playing the guitar before you came in.
The guitar had been being played by me before you came in.
Future Simple Tense
will
He will buy a mobile phone tomorrow.
A mobile phone will be bought by him tomorrow.
Future Simple Tense
be going to
Mike is going to cook Thai food tonight.
Thai food is going to be cooked by Mike tonight.
Future Continuous Tense
will
I will be playing piano until 6 o’clock.
Piano will be being played by me until 6 o’clock.
Future Continuous Tense
be going to
I am going to be doing housework at 8.00 pm.
Housework is going to be being done by me at 8.00 pm.
Future Perfect Tense
will
By next year, we will have won the homecoming game.
By next year, the homecoming game will have been won by us.
Future Perfect Tense
be going to
In June, we are going to have accomplished the mission.
In June, the mission is going to be accomplished by us.
Future Perfect Continuous Tense
will
The teacher will have been teaching us for 3 years next month.
We will have been being taught by the teacher for 3 years next month.
Future Perfect Continuous Tense
be going to
He is going to have been driving the car for 10 hours by the time we arrive.
The car is going to have been driven for 10 hours by the time we arrive.
Used to
We used to cook Thai food.
Thai food used to be cooked by us.
Would Always
He would always eat fast food.
Fast food would always be eaten by him.